ชีโตแคท (Cheetoh Cat) เป็นแมวพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากการผสมระหว่างแมวเบงกอล (Bengal) และแมวอ็อคิคัต (Ocicat) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแมวที่มีลวดลายสวยงามแบบสัตว์ป่า ผสมกับนิสัยที่เป็นมิตรและเลี้ยงง่ายของแมวบ้าน การพัฒนาสายพันธุ์เริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 โดยนักเพาะพันธุ์ชื่อว่า Carol Drymon จากสหรัฐอเมริกา
ลักษณะภายนอก
ชีโตแคทมีลักษณะคล้ายแมวป่า โดยเฉพาะเสือชีตาห์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อพันธุ์ “Cheetoh” พวกมันมีลวดลายที่โดดเด่นบนขน เช่น จุดหรือรอยแต้มสีน้ำตาล ทอง หรือส้มบนพื้นขนสีอ่อน เช่น สีแทนหรือสีทองแดง ลักษณะขนจะนุ่มแน่นแต่สั้น และมีความมันเงาเมื่อโดนแสง
รูปร่างของชีโตแคทโดยทั่วไปจะมีขนาดใหญ่กว่าค่าเฉลี่ยของแมวบ้านทั่วไป ตัวหนาแน่น กล้ามเนื้อแข็งแรง ขายาว และมีหางยาวเป็นพวง หูตั้งชิดศีรษะและมีลักษณะแหลมเล็กน้อย ดวงตามีสีทอง เขียว หรือเหลืองที่เปล่งประกาย
น้ำหนักและขนาด
ชีโตแคทเป็นแมวขนาดกลางถึงใหญ่ โดยน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 6–10 กิโลกรัม ตัวผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียอย่างเห็นได้ชัด อัตราการเจริญเติบโตของแมวพันธุ์นี้ค่อนข้างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงอายุ 6–12 เดือนแรก
นิสัยและบุคลิกภาพ
แม้ว่าชีโตแคทจะมีรูปลักษณ์คล้ายแมวป่า แต่ลักษณะนิสัยกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง พวกมันเป็นแมวที่ขี้อ้อน ฉลาด และช่างสังเกต โดยทั่วไปมีนิสัยเป็นมิตร เข้ากับคนได้ง่าย รวมถึงสัตว์อื่น ๆ ในบ้าน เช่น สุนัขหรือแมวตัวอื่น
ชีโตแคทมักชอบการเล่น โดยเฉพาะของเล่นที่ท้าทายสติปัญญา เช่น เกมพัซเซิล หรือของเล่นที่เคลื่อนไหวได้ พวกมันยังชอบปีนป่าย และควรมีของเล่นหรือพื้นที่ให้ปีนเพื่อระบายพลังงาน หากไม่ได้รับการกระตุ้นที่เพียงพอ อาจแสดงพฤติกรรมซุกซนเกินควรได้
นอกจากนี้ แมวพันธุ์นี้ยังตอบสนองต่อการฝึกได้ดี สามารถฝึกให้ทำท่าต่าง ๆ เดินสายจูง หรือเล่นเกมเก็บของได้ เช่นเดียวกับสุนัขหลายสายพันธุ์
ความต้องการด้านสิ่งแวดล้อม
ชีโตแคทต้องการสภาพแวดล้อมที่มีการกระตุ้นอยู่เสมอ เจ้าของควรเตรียมของเล่นหลากหลาย หรือมีพื้นที่ในแนวตั้ง เช่น คอนโดแมว หรือชั้นวางของที่ปีนได้ พวกมันไม่ชอบความเบื่อ และจะหากิจกรรมทำเองหากไม่มีสิ่งกระตุ้น
เป็นแมวที่ต้องการความสนใจจากเจ้าของอย่างสม่ำเสมอ ชอบการปฏิสัมพันธ์ และไม่ชอบถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเป็นเวลานาน หากเจ้าของมีเวลาน้อย อาจพิจารณาเลี้ยงแมวอีกตัวเพื่อเป็นเพื่อนเล่น
สุขภาพและอายุขัย
ชีโตแคทโดยทั่วไปมีสุขภาพแข็งแรง อายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12–15 ปี อย่างไรก็ตาม เพราะเป็นพันธุ์ที่ใหม่มาก ยังไม่มีข้อมูลด้านพันธุกรรมระยะยาวชัดเจน จึงควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ และเลือกซื้อจากฟาร์มเพาะพันธุ์ที่มีมาตรฐาน
โรคที่อาจพบได้ เช่น โรคเกี่ยวกับไตหรือหัวใจ ซึ่งพบในแมวบางพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น เบงกอลหรืออ็อคิคัต การเลือกแมวจากสายพันธุ์ที่มีการตรวจคัดกรองพันธุกรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญ
การดูแลและการให้อาหาร
ชีโตแคทไม่มีความต้องการพิเศษด้านอาหาร แต่ควรได้รับอาหารคุณภาพสูงที่เหมาะกับแมวสายพันธุ์ใหญ่ และมีโปรตีนสูงเพื่อรองรับกล้ามเนื้อที่แข็งแรง
การแปรงขนควรทำสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง เพื่อกำจัดขนที่หลุดร่วงและรักษาความเงางามของขน รวมถึงควรตัดเล็บ ตรวจหู และแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพระยะยาว
เหมาะกับใคร
ชีโตแคทเหมาะกับเจ้าของที่มีเวลาเล่นและปฏิสัมพันธ์กับสัตว์เลี้ยงอย่างจริงจัง ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องออกจากบ้านบ่อยหรือไม่มีเวลามาก พวกมันต้องการความรัก ความเอาใจใส่ และการกระตุ้นทางจิตใจอย่างต่อเนื่อง
ในครอบครัวที่มีเด็ก แมวพันธุ์นี้สามารถอยู่ร่วมได้เป็นอย่างดี เพราะมีนิสัยใจดีและอดทน แต่ควรสอนเด็กให้ปฏิบัติต่อแมวอย่างนุ่มนวลเช่นกัน
ความเป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงอื่น
ชีโตแคทสามารถอยู่ร่วมกับแมวหรือสุนัขตัวอื่นได้ โดยเฉพาะหากได้รับการแนะนำกันตั้งแต่ช่วงต้นวัย พวกมันมีนิสัยไม่ก้าวร้าว และมักจะปรับตัวได้ดีกับสัตว์ตัวอื่นในบ้าน
ความนิยม
แม้ชีโตแคทยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเหมือนเบงกอลหรือแมวพันธุ์ใหญ่สายอื่น ๆ แต่ความพิเศษด้านรูปลักษณ์และนิสัยก็ทำให้เริ่มได้รับความสนใจในหมู่ผู้เลี้ยงแมวที่ต้องการสัตว์เลี้ยงที่มีทั้งความสง่างามและนิสัยดี